ความอยากเป็นนักวิทยุสมัครเล่นในตอนนั้น (ผ่านมาหลายปีแล้วละ) จำได้ว่าเคยเห็นพื่อนคนหนึ่ง เค้าใช้วิทยุสื่อสารในการพูดคุยกับอีกฝ่ายหนึ่ง โดยการใช้โค๊ตบางอย่างในการพูดคุย ซึ่งต่อมาก็ทราบว่า เค้าเป็นนักวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น มีเพื่อนในกลุ่มหลายคน มีการทำกิจกรรมร่วมกัน นัดพบปะสังสรรค์ร่วมกัน เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สิ่งเหล่านั้นเป็นเหตุผลแรกที่ทำให้ผมอยากเป็นนักวิทยุสมัครเล่นกับเค้าบ้าง จึงสอบถามเพื่อนผมว่า หากผมอยากเป็น นักวิทยุสมัครเล่น บ้างต้องทำอย่างไร คำตอบที่ได้คือ อันดับแรกจะต้องไปสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น ซึ่งกำกับดูแลโดย กรมไปรษณีย์โทรเลข (สมัยนั้น ตอนนี้ คือ กสทช.) เมื่อสอบผ่านแล้วก็จะได้ประกาศนียบัตรฯ จากนั้นเราจึงดำเนินการขอ สัญญาณเรียกขาน หรือ คอลซายน์ (Call Sing)เพียงเท่านี้เราก็สามารถเป็น นักวิทยุสมัครเล่น ได้แล้ว เมื่อกรมไปรษณีย์โทรเลข (สมัยนั้น) เปิดสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น ผมก็ไปสมัครสอบ และผมก็สอบผ่าน ได้รับประกาศนียบัตรฯ และก็ดำเนินการขอ สัญญาณเรียกขานหรือ คอลซายน์ (Call Sign) ซึ่ง สัญญาณเรียกขาน หรือ คอลซายน์ (Call Sing) ของผมก็คือ : E21DGZ นี่เป็นคอลซายน์แรกในชีวิต ออกโดย กรมไปรษณีย์โทรเลข (สมัยนั้น) ออกให้กับผู้ที่สอบผ่าน ได้รับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น (ขั้นต้น ซึ่งต่อไปจะมีขั้นสูงกว่าตามมาครับ) และแล้วผมก็เป็น นักวิทยุสมัครเล่น สมใจครับ....
สำหรับวิทยุสื่อสารเครื่องแรกที่ผมใช้คือ เจ้า YAESU FT-416
ได้อะไรจากการเป็น : นักวิทยุสมัครเล่น
เมื่อผมต้องเข้ารับการอบรมในหลักสูตรหนึ่ง ซึ่งในหลักสูตรดังกล่าวจะต้องมีการบรรยายหน้าห้องฝึกอบรม ใช้เวลาในการบรรยายประมาณ หัวข้อละ 15 นาที หัวข้อการบรรยายเป็นเรื่องอะไรก็ได้แล้วแต่ความเหมาะสม การบรรยายใช้วิธีจับสลาก หัวข้อการบรรยายผมใช้เรื่อง "นักวิทยุสมัครเล่น" บรรยายด้วย PowerPoint พร้อม วิทยุสื่อสาร YAESU FT-416 หัวข้อการบรรยายก็เป็นเรื่องโดยท่ัวๆ ไปที่เกี่ยวข้องกับกิจการวิทยุสมัครเล่น พร้อมการใช้วิทยุสื่อสารในการติดกับสถานีอื่น ซึ่งก็เป็นความโชคดีที่สามารถติดต่อกับสถานีใกล้เคียงได้ เมื่อจบการบรรยาย ได้รับการตอบรับจากผู้เข้ารับการอบรมเป็นอย่างดี และผู้เข้ารับการอบรมบางคนให้ความสนใจ อยากเป็นนักวิทยุสมัครเล่นบ้าง มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ได้ชักชวนให้ผมไปเป็นอาจารย์พิเศษ ในโรงเรียนที่ท่านสอน โดยเห็นว่า ผมบรรยายได้เข้าใจง่ายและใช้เครื่องช่วยบรรยายได้เป็นอย่างดี....นี่แหละครับส่วนหนึ่งที่ผมได้จากการเป็น "นักวิทยุสมัครเล่น"
ขั้นตอนการเป็นพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น (นักวิทยุสมัครเล่น)
1.สมัครเข้ารับการอบรม และสอบ เพื่อรับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นข้นต้น
- เลือกเข้ารับการอบรม และสอบ สนามสอบที่ใดก็ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย แล้วแต่ความสะดวกของผู้เข้ารับการอบรม และสอบฯ
- เกณฑ์การรับรองผล คะแนนเต็ม 100 คะแนน
ก. ส่วนแรก คะแนนจากการเข้ารับฟังการบรรยายครบทุกหัวข้อวิชา 20 คะแนน
ข. ส่วนที่สอง คะแนนการสอบภาคทฤษฎี 80 คะแนน
ผู้เข้าสอบต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 60 คะแนน จึงจะถือว่าสอบได้ และมีสิทธิได้รับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น รอประกาศผลอบรมและสอบประมาณ 1 เดือน . เมื่อผลออกแล้วรอประกาศนียบัตรฯ อีกประมาณ 1 เดือน
2. ทำบัตรประจำตัวพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น (นามเรียกขาน)
2.1 กรณีไปดำเนินยื่นเอกสารที่ สกทช. ทั้งในส่วนกลาง และภูมิภาค
2.1.1 กรอกแบบฟอร์มในใบคำขอ (แบบ ฉก 2)
2.1.2 สำเนาใบประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น พร้อมลงลายมือชื่อเซ็นต์รับรองสำเนา
2.1.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมลงลายมือชื่อเซ็นต์รับรองสำเนา
2.1.4 สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมลงลายมือชื่อเซ็นต์รับรองสำเนา
2.1.5 รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว (ไม่สวมหมวกและใส่แว่นตาดำ)
2.1.6 กรณีไม่มีรูปถ่าย ทางพนักงานสำนักงาน กสทช. มีบริการถ่ายรูปให้ฟรี (ส่วนภูมิภาค)
2.1.7 เงินค่าธรรมเนียม จำนวน 214 บาท (สองร้อยสิบสี่บาทถ้วน)
2.2 กรณีส่งเอกสารทางไปรษณีย์
จัดส่งเอกสารทั้งหมดตามข้อ 2.1 และค่าธรรมเนียม 214 บาท (สองร้อยสิบสี่บาทถ้วน) โดยใช้ธนาณัติสั่งจ่าย ใส่ซอง ส่งไปที่สำนักงาน กทช. ได้ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ใกล้บ้านท่าน
รอการตอบกลับทางไปรษณีย์ประมาณ 1 สัปดาห์ จะได้รับ
- บัตรประจำตัวพนักงานวิทยุสมัครเล่นขั้นต้น
- ใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียม
3. หาซื้อเครื่องวิทยุคมนาคม (วิทยุสมัครเล่น)
3.1 วิทยุสื่อสารชนิดมือถือ (Handy / Handhelds)
3.2 วิทยุชนิดตั้งประจำที่ (Base / Station)
คือแบบที่ใช้ตั้งสถานี เราอาจไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก ส่วนมากมักใช้ตามสถานที่ราชการ แต่เรามักเห็นกันคือ ใช้วิทยุติดรถยนต์มาดัดแปลงใช้เป็นวิทยุติดตั้งประจำที่ ซึ่งเป็นการใช้งานที่ผิดประเภท แต่เนื่องจากวิทยุสื่อสารชนิดติดตั้งประจำที่นั้น มักมีราคาแพง จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก นอกจากสถานที่นั้น ๆ มีงบประมาณการจัดซื้อสูง
3.3 วิทยุสื่อสารชนิดติดตั้งในรถยนต์ (Mobile)
คือวิทยุที่เราเห็นใช้กันมาก ทั้งนำไปติดในรถยนต์ และใช้แทนวิทยุสื่อสารประเภทติดตั้งประจำที่ มักจะออกแบบให้มีขนาดกระทัดรัด เหมือนวิทยุ FM ที่ติดในรถยนต์ และใช้ไฟ 12 โวลต์ จึงมีผู้นำไปดัดแปลงต่อกับแหล่งจ่ายไฟกระแสตรง 12 โวลต์ และนำไปใช้งานแทนวิทยุสื่อสารประเภทติดตั้งประจำที่ ซึ่งมีราคาสูงกว่ามาก
แหล่งที่มา : www.hs6an.com
สัญญาณเรียกขาน หรือ คอลซายน์ (Call Sign)
สัญญาณเรียกขาน หรือคอลซายน์ (Call Sign) เป็นสิ่งที่นักวิทยุสมัครเล่นทุกคนต้องมีซึ่งสัญญาณเรียกขานที่ว่านี้ มีไว้เพื่อใช้เป็นชื่อเรียก ในขณะที่เราใช้วิทยุสื่อสาร เพราะขณะที่เราใช้งานบนความถี่ เราจะไม่เห็นหน้ากัน เวลาเรียกขานจึงต้องมี สัญญาณเรียกขาน ซึ่งจะทำให้ทราบว่าเป็นสัญญาณเรียกขานมาจากสถานีใด เป็นสถานีในกิจการประเภทใด หรืออยู่ในพื้นที่ใดของประเทศ เช่น HSA - HAZ และ E2A - E2Z คืออักษรขึ้นต้นสัญญาณเรียกขานระหว่างประเทศ สำหรับประเทศไทย เป็นต้น
ทั้งนี้สัญญานเรียกขานเปรียบเสมือนกับคนเราที่ต้องมีชื่อเรียกนั่นเอง
สัญญาณเรียกขาน หรือคอลซายน์ (Call Sign) ที่นักวิทยุสมัครเล่นแต่ละคนมีติดตัวนี้นเป็นสิ่งสากลครบ สามารถใช้ติดต่อกับ นักวิทยุสมัครเล่น ได้ท่ัวโลกตราบใดที่สัญญาณเราไปถึง ซึ่งประกอบไปด้วยตัวเลข และตัวอักษรผสมกัน จัดวางในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเทศกำหนด และอยู่ภายใต้ข้อบังคับของ สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU (International Telecommunication Union) ซี่งเป็นหน่วยงานระดับนานาชาติเฉพาะทาง (specialized agencies) ที่อยู่ภายใต้สหประชาชาติโดยมีศักดิ์ฐานะเท่ากับองค์กร อื่น ๆ ที่เราอาจคุ้นชื่อกันดี เช่น UNESCO IMF WHO หรือ FAO สำหรับ ITU ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยโทรเลข (ชื่อเดิมคือ International Telegraph Union) ตั้งแต่ปี 1865 หรือนับมาถึงวันนี้ก็เกือบ 150 ปีแล้วครับ ตั้งแต่ก่อนมีสหประชาชาติโดยรูปแบบองค์กรก็วิวัฒนาการมาตามกาลเวลาโดยเปลี่ยน ชื่อเป็น International Telecommunication Union ในปี 1932 เพื่อขยายภารกิจขององค์กรให้ครอบคลุมโทรศัพท์ด้วย และภายหลังก็เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหประชาชาติในปี 1947 ITU มีสมาชิกเป็น "ประเทศ" จำนวน 193 ประเทศ เท่ากับประเทศที่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติ และเปิดรับสมาชิกแบบองค์กรภาคเอกชน สมาคม และหน่วยงานการศึกษาด้วย สำนักงานใหญ่ของ ITU อยู่ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีสำนังานระดับภูมิภาคอีก 12 แห่งทัวโลก ปัจจุบันขอบเขตงานของ ITU ขยายจากโทรเลขและโทรศัพท์มาเป็นการสื่อสารผ่านดาวเทียม มือถือ อินเทอร์เน็ต การสื่อสารในช่วงภัยพิบัติ และการใช้งานไอซีที
สำหรับประเทศไทยนั้น ก็จะขึ้นต้นด้วย HSxxxx และ E2xxxx ตามด้วยตัวเลขเขตพื้นที่ของนักวิทยุสมัครเล่นนั้น ๆ แล้วตามด้วยตัวอักษรอีกชุดหนึ่ง และถ้าเพื่อนนักวิทยุสมัครเล่นชาวต่างชาติได้ยินสัญญาณเรียกขานที่ขึ้นต้นด้วย HS (อ่านว่า โฮ-เทล เซีย-ร่า) และ E2 (อ่านว่า เอ็ค-โค่ ทู) ก็จะทราบทันทีว่านี่คือ สัญญาณเรียกขานจากนักวิทยุสมัครเล่นชาวไทย ซึ่งทั้ง HS และ E2 ที่เรากำลังพูดถึงนี้ เราเรียกว่า Prefix และตัวอักษรที่อยู่ส่วนท้ายนั้นเราเรียกว่า Suffix ครับ
ตัวอย่างสัญญาณเรียกขาน SUFFIX 3 หลัก |
ตัวอย่างสัญญาณเรียกขาน SUFFIX 2 หลัก |
สัญญาณเรียกขาน หรือ คอลซายน์ (Call Sign) สำหรับนักวิทยุสมัครเล่นในประเทศไทย ใช้รูปแบบที่ระบุ ในข้อบังคับวิทยุระหว่างประเทศ และกำหนดรายละเอียดเพิ่มเตม ดังนี้ :-
HS n X
HS n XX
HS n XXX
จากรหัสข้างต้น มีความหมายตามอักษร ดังนี้
HS หรือเรียกว่า Prefix : ระบุว่าเป็นประเทศไทย ตามข้อบังคับวิทยุระหว่างประเทศ เป็นรหัสเก่า ที่ยังคงเหลือใช้อยู่
n หรือ Number หมายถึง ตัวเลข 0 ถึง 9 ใช้ระบุว่าอยู่ในเขตพื้นที่ใดของประเทศไทย
Suffix เป็นพยัญชนะ 1 ตัว หรือ 2 ตัว หรือ 3 ตัวมีรายละเอียด ดังนี้
X - สำหรับพระราชวงศ์
XX - ใช้เรียกตามลำดับจาก AA - ZZ ยกเว้น AA - AZ ซึ่งสำรองไว้สำหรับสถานีกรณีพิเศษ เช่น สถานีทวนสัญญาณ (beacon) สถานีของชมรมหรือสมาคม (Club Station) และสถานีชั่วคราวเฉพาะกิจ ยกเว้น CQ SOS และ HS
XXX - ใช้เรียกตามลำดับจาก AAA - ZZZ ยกเว้น DDD QAA QZZ SOS และ TTT
E2 n X
E2 n XX
E2 n XXX
จากรหัสข้างต้น มีความหมายตามอักษร ดังนี้
E2 หรือเรียกว่า Prefix : ระบุว่าเป็นประเทศไทย ตามข้อบังคับวิทยุระหว่างประเทศ เป็นรหัสเก่า ที่ยังคงเหลือใช้อยู่
n หรือ Number หมายถึง ตัวเลข 0 ถึง 9 ใช้ระบุว่าอยู่ในเขตพื้นที่ใดของประเทศไทย
Suffix เป็นพยัญชนะ 1 ตัว หรือ 2 ตัว หรือ 3 ตัวมีรายละเอียด ดังนี้
X - สำหรับพระราชวงศ์
XX - ใช้เรียกตามลำดับจาก AA - ZZ ยกเว้น AA - AZ ซึ่งสำรองไว้สำหรับสถานีกรณีพิเศษ เช่น สถานีทวนสัญญาณ (beacon) สถานีของชมรมหรือสมาคม (Club Station) และสถานีชั่วคราวเฉพาะกิจ ยกเว้น CQ SOS และ HS
XXX - ใช้เรียกตามลำดับจาก AAA - ZZZ ยกเว้น DDD QAA QZZ SOS และ TTT
ก้าวสู่โลกวิทยุสื่อสารอย่างมั่นใจของ นักวิทยุสมัครเล่น !
การขึ้นความถี่ครั้งแรกในชีวิตของนักวิทยุมือใหม่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และเป็นความทรงจำ ซึ่งตอนนั้นอาจไม่สนุกเลย ทั้งเขิน ทั้งประหม่า ทั้งกลัว เขาจะพูดคุยกับเราหรือเปล่า.. เราจะพูดอะไรผิดหรือถูกอย่างไรน้า.... เราไม่รู้จักใครเลย จะลองเรียกขานเขายังไงดี เรียกแล้วเขาจะตอบเราไหม..ต่าง ๆ นา ๆ
ของความวิตกกังวล...
แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก อาการนี้มันเป็นมรดกตกทอดมาจากนักวิทยุรุ่นก่อน ๆ ทุกคน(รุ่นเก๋า) ก็เคยผิด เคยเก้อ เคยหน้าแตกมาแล้วทั้งนั้น แต่ก็จะค่อย ๆ เรียนรู้ ในที่สุดก็จะกลายเป็นนักวิทยุรุ่นเก๋า และปล่อยความประหม่าขัดเขินไว้เป็นมรดตกทอดให้คนรุ่นใหม่ ๆ ที่กำลังก้าวเข้ามาต่อไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลความ "ใหม่" มันอยู่กับใครไม่นานหรอก แป๊ปเดียวมันก็ไปแล้ว...
การเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองและอาจไม่ทันการณ์ ดังนั้น ประสบการณ์บางส่วนของ "รุ่นเก๋า" ที่จะได้อ่านต่อจากนี้ น่าจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ ในการขึ้นความถี่ของคุณได้พอสมควรครับ....
จรรยาบรรณ : นักวิทยุสมัครเล่น
1. มีความเกรงใจ และเห็นใจผู้ใช้ความถี่ร่วมกับเรา หรือผู้ที่คอยใช้ความถี่ต่อจากเรา ไม่ทำอะไรที่เป็นการลดทอนความสุขของผู้อื่น หรือก่อให้เกิดความรำคาญใจแก่ผู้อื่น
หลักการข้อนี้ ช่วยป้องกันปัญหาความขัดแย้งบนความถี่
2. สนับสนุนส่งเสริมเพื่อนนักวิทยุด้วยกันรวมทั้งส่งเสริมองค์กรนักวิทยุในท้องถิ่น และองค์กรซึ่ง เป็นตัวแทนของนักวิทยุประเทศ และของโลก
หลักการข้อนี้ ช่วยให้เกิดเสาหลักในการพัฒนาการสื่อสารทางวิทยุของประเทศชาติ
3. พัฒนาตัวเองให้มีความรู้ความเข้าใจในวิชาการเกี่ยวกับวิทยุสื่อสารเพียงพอ และเสริมสร้าง
สถานี ให้มีประสิทธิภาพ
การพัฒนาสถานีวิทยุสื่อสารของตัวเองให้มีประสิทธิภาพนั้น นอกจากไม่ก่อให้เกิดการบกวน หรือ สร้างความเดือดร้อนให้ใครแล้วยังเป็นการพัฒนาตัวเอง ให้สามารถทำหน้าที่เป็นข่ายสื่อสำรอง ของชาติในยามฉุกเฉิน และการที่แต่ละบุคคลในชาติมีความรู้ความสามารถ ก็ย่อมทำให้เกิด การพัฒนาของประเทศชาติโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ การพัฒนาตัวเองให้มีความรู้ และความเข้าใจที่ ถูกต้องชัดเจน จะลดการกระจายความรู้ หรือทัศนคติผิด ๆ ไปสู่คนอื่น ๆ ด้วย
4. อธิบายซ้ำ หรือพูดให้ช้าลงเมื่อเห็นว่าคู่สนทนายังไม่เข้าใจ เต็มใจตอบเมื่อมีผู้ถามหรือขอความรู้ ให้คำแนะนำแก่นักวิทยุใหม่ ๆ ด้วยความเมตตา ตอบปัญหาของผู้ที่สนใจด้วยสปิริต ของนักวิทยุ
น้ำใจที่เอื้ออาทรต่อกัน เป็นเสน่ห์ที่สร้างความประทันใจให้เกิดขึ้นกับกิจการวิทยุสมัครเล่น และเป็นเสน่ห์ส่วนตัวของนักวิทยุสมัครเบ่นแต่ละคนด้วย
5. ต้องรู้จักจัดเวลาให้สมดุล อย่าให้การเล่นวิทยุมีผลกระทบต่อครอบครัว การงาน การเรียน หรือสังคมรอบตัว
ข้อนี้สำคัญมาก เราต้องทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำก่อน ตามด้วยสิ่งที่ควรทำ และสุดท้ายจึงจะทำในสิ่งที่อยากทำ การเล่นวิทยุเป็นเพียงงานอดิเรกอย่างหนึ่ง ถ้าเราไม่สามารถแบ่งเวลาหรือจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตไม่ได้ การเพิ่มงานอดิเรกนี้เข้าไปในชีวิต ก็อาจเป็นโทษมากกว่าประโยชน์
6. คงไว้ซึ่งความรู้ความชำนาญ พร้อมที่จะบริการรับใช้ประเทศชาติ หรือต่อชุมชนของตน
ความสำคัญของข้อนี้ คือการพัฒนาตนและการฝึกซ้อมด้านการสื่อสารให้ชำนาญ พร้อมเสมอที่จะใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่เพื่อรับใช้ชาติโดยวิธีการต่าง ๆ
ข้อมูลจาก : คู่มือคนรักวิทยุสื่อสาร โดย ธิดา เด่นพฤกษ์ธรรม HS1ASC
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น